สงครามการค้าโลกปะทุอีกครั้ง ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีจีนพุ่ง 130%
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 130% จากเดิม 30% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ หรืออาจเร็วกว่านั้น หากฝ่ายบริหารเห็นว่าจำเป็น
การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีจุดเริ่มจาก การที่จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับสูง ตั้งแต่สมาร์ตโฟน ชิป ไปจนถึงแบตเตอรี่ลิเธียม ทั้งยังเกิดขึ้นไม่นานหลังจาก การประชุมระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่มีกำหนดจัดในเกาหลีใต้ถูกยกเลิกแบบไม่คาดหมาย
ตลาดการเงินทั่วโลกตอบสนองในทันทีด้วยความกังวล ดัชนี Dow Jones ร่วงกว่า 878 จุด หรือประมาณ 1% ขณะที่ S&P 500 ลดลง 2.7% และ Nasdaq ทรุดหนักถึง 3.5%
นักวิเคราะห์มองว่านี่คือ “สัญญาณเตือนระลอกใหม่” ของสงครามการค้าที่อาจลุกลามไปทั่วตลาดโลก
แม้ปัจจุบัน เม็กซิโก จะขึ้นแท่นเป็นแหล่งนำเข้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ แซงหน้าจีนไปแล้ว แต่สหรัฐฯ ยังคงพึ่งพาสินค้าจีนในหลายอุตสาหกรรมหลัก ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ มูลค่าการค้ารวมยังคงอยู่ในระดับ “หลายแสนล้านดอลลาร์ต่อปี”
ความขัดแย้งที่ไม่จบสิ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์ใช้นโยบายภาษีเป็นอาวุธทางการค้า เขาเคยกำหนดภาษีสินค้าจีนสูงสุดถึง 145% ก่อนจะปรับลดลงเหลือ 20% สำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายเพิ่งเห็นพ้องลดภาษีบางส่วนเพื่อคลายความตึงเครียด
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงย้ำจุดยืนเดิมคือ “ดึงการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ” แม้หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในภาคเทคโนโลยีจะยังคงพึ่งพาฐานการผลิตในเอเชีย
แม้ทรัมป์จะกล่าวว่าแรงกดดันจากจีนเกิดขึ้น “อย่างกะทันหัน” แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความตึงเครียดนี้สั่งสมมานานหลายเดือน โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือ การเรียกร้องให้จีนเพิ่มการผลิตแม่เหล็กแร่หายาก ซึ่งสหรัฐฯ ต้องการใช้ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีชั้นสูง
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เคยจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงของ Nvidia ไปยังจีน แต่ต่อมาก็ผ่อนปรนเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อบริษัทในประเทศ
ล่าสุด สหรัฐฯ ยังเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากสินค้าที่ขนส่งโดยเรือของจีน ขณะที่จีนก็ออกมาตรการตอบโต้แบบ “ตาต่อตา” ซึ่งเริ่มมีผลแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
อนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ทรัมป์ยืนยันว่า “พร้อมจะเดินหน้าต่อโดยไม่ลังเล” หากจีนยังคงใช้นโยบายที่กระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
ขณะที่ประธานาธิบดีสีตอบกลับด้วยท่าทีแน่วแน่เช่นกัน
อย่างไรก็ดี นักกฎหมายเตือนว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจถูกท้าทายในศาลฎีกา ซึ่งจะพิจารณาในเดือนหน้า แตกต่างจากฝั่งจีนที่ไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมายภายในประเทศ
แหล่งที่มา https://edition.cnn.com/2025/10/10/economy/trump-china-tariff-threats-economy?

