ในปี 2025 Oakley ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์แว่นตากีฬาสำหรับนักกีฬาอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมร่วมสมัย ที่ผสานดีไซน์ล้ำยุค เทคโนโลยีระดับสูง และพลังแห่งวัฒนธรรมป๊อปเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ทิศทางใหม่ที่ผลักดันให้ Oakley ไม่ใช่แค่ “แว่น” แต่เป็นไอคอนของไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย
พลิกบทบาทสู่ผู้นำในโลกแฟชั่นและวัฒนธรรมดิจิทัล
จากจุดเริ่มต้นที่ Oakley เป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งในโลกกีฬา โดยเฉพาะกีฬาผาดโผน แบรนด์ได้ปรับทิศทางเพื่อเชื่อมต่อกับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่มองแว่นตามากกว่าอุปกรณ์ แต่เป็นเครื่องมือแสดงออกถึงตัวตนและรสนิยม
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2025 เมื่อ Oakley ประกาศแต่งตั้งศิลปินระดับโลกอย่าง Travis Scott เป็น Chief Visionary ของแบรนด์ การผนึกพลังกับวัฒนธรรมสตรีต ดนตรี และแฟชั่นแนวหน้าทำให้ Oakley กลายเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์แปลกใหม่ เข้าถึงคนเมือง และเชื่อมโยงกับความเป็น “เทคโนโลยีที่ใส่ได้” อย่างลงตัว
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนภาพลักษณ์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แฟนรุ่นเก่าบางกลุ่มตั้งคำถามถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนเน้น “สไตล์” มากกว่า “ประสิทธิภาพ” ที่เคยเป็นจุดแข็งของแบรนด์ในอดีต
Oakley x Meta ผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ากับดีไซน์
หนึ่งในก้าวกระโดดที่น่าจับตาคือความร่วมมือกับ Meta ในการเปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่น Oakley Meta HSTN ซึ่งผสานกล้อง AI ความละเอียด 12MP, ไมโครโฟน, ลำโพง, ระบบสั่งงานด้วยเสียง และการบันทึกวิดีโอระดับ 3K เข้าไว้ในดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแฟชั่นสายสตรีตของ Oakley

แว่นตารุ่นใหม่นี้ไม่เพียงแต่สามารถถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (first-person POV) ได้ทันที แต่ยังรองรับระบบ Meta AI ที่ช่วยแปลภาษา ตอบคำถาม หรือแนะนำสถานที่ใกล้เคียงผ่านการโต้ตอบด้วยเสียง ทั้งหมดนี้สามารถใช้งานผ่านระบบแฮนด์ฟรี และซิงค์กับสมาร์ตโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ยังอยู่ภายใต้เสียงวิจารณ์จากผู้ใช้บางส่วนในเรื่อง “ความซับซ้อนเกินไป” สำหรับผู้ใช้ทั่วไป รวมถึงประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวที่ยังต้องติดตามต่อไป
แบรนด์ในเครือยักษ์ใหญ่ EssilorLuxottica
แม้จะมีทิศทางใหม่ แต่ Oakley ก็ยังคงรักษาคุณภาพและเทคโนโลยีเฉพาะตัวไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง — ทั้งเลนส์ Prizm™ ที่ช่วยเพิ่มคอนทราสต์และการมองเห็นเฉพาะกิจกรรม เช่น ปั่นจักรยาน กอล์ฟ หรือปีนเขา รวมถึงการจับมือกับ Meta เพื่อเปิดตัวแว่นอัจฉริยะ Oakley Meta HSTN ที่ผสานกล้อง AI, ลำโพง, และการบันทึกวิดีโอระดับ 3K เข้าด้วยกัน

สำหรับคนที่สงสัยว่า Oakley มาอยู่ภายใต้กลุ่ม EssilorLuxottica ได้อย่างไร คำตอบคือ Oakley เคยอยู่ภายใต้การครอบครองของ Luxottica บริษัทอิตาลีผู้ผลิตกรอบแว่นตารายใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังมากมาย เช่น Ray-Ban และ Persol ก่อนที่ Luxottica จะควบรวมกิจการกับบริษัทฝรั่งเศสผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์อย่าง Essilor ในปี 2018 กลายเป็นยักษ์ใหญ่วงการแว่นตาโลกนามว่า EssilorLuxottica
การควบรวมครั้งนั้นมีจุดประสงค์เพื่อผนึกกำลังระหว่างเทคโนโลยีเลนส์ชั้นนำกับเครือข่ายแบรนด์และช่องทางการผลิตระดับโลก ทำให้ Oakley กลายเป็นแบรนด์ที่อยู่ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทแว่นตาครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทางสายกลางที่ท้าทาย
ปัจจุบัน Oakley เลือกเดินทาง “สายกลาง” ระหว่างโลกกีฬาและโลกแฟชั่น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยงแต่ชาญฉลาด ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Ray-Ban มุ่งเจาะตลาด Mass Fashion และ Nike Vision เน้นสายกีฬาอย่างเข้มข้น Oakley พยายามผสมผสานทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสินค้า “สำหรับทุกคนที่อยากเป็นไอคอนในชีวิตประจำวัน” (Smart Eyewear for Everyday Icons)
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่การ รักษาสมดุลระหว่างดีไซน์และเทคโนโลยี เพราะหากแบรนด์ไม่สามารถตอบโจทย์ทั้งความล้ำสมัยและสมรรถนะได้ในระยะยาว ก็อาจสูญเสียจุดยืนในตลาดที่เคยครองมาอย่างยาวนาน

อนาคตของ Oakley
Oakley ในวันนี้ ไม่ใช่แค่แว่นตาสำหรับนักกีฬามืออาชีพอีกต่อไป แต่เป็น ผู้นำด้านนวัตกรรม wearable ที่สะท้อนตัวตนของผู้ใช้ ในยุคที่เทคโนโลยี ความเป็นส่วนตัว และวัฒนธรรมต้องเดินไปพร้อมกัน — ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพ ความสวยงาม หรือการแสดงออกถึงตัวตน Oakley กำลังเขียนนิยามใหม่ของ “เทคโนโลยีที่ใส่ได้” ในแบบที่ทั้งโลกกำลังจับตามอง
ที่มา-