ลโก้ Meta สีฟ้าบนพื้นหลังสีขาว สื่อถึงอนาคตของเทคโนโลยี AI

เร่งเครื่อง AGI ทุ่งพัฒนาเชิงลึก


Meta พลิกโฉมทีม AI สู่ยุคใหม่ รับมือศึกใหญ่โลกเทคโนโลยี

Meta ได้ปรับโครงสร้างทีม AI ครั้งใหญ่ในปี 2025 เพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันที่ดุเดือดกับผู้นำในวงการอย่าง OpenAI, Google และ ByteDance โดยมีเป้าหมายหลักคือเร่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และปูทางสู่การพัฒนา  Artificial General Intelligence (AGI) ที่มีความสามารถใกล้เคียงมนุษย์อย่างแท้จริง

Chris Cox ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ Meta  เปิดเผยผ่านบันทึกภายในส่งถึงพนักงานภายนในองค์กรว่า โครงสร้างใหม่นี้แบ่งทีม AI ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ AI Products และ “AGI Foundations” เพื่อเพิ่มความชัดเจนในการดำเนินงานและลดการพึ่งพาข้ามทีม

สองทีมใหม่ภายใต้โครงสร้าง AI Meta

  1. AI Products นำโดย Connor Hayes รับผิดชอบการพัฒนา Meta AI Assistant, AI Studio และการฝังเทคโนโลยี AI เข้ากับแพลตฟอร์มหลักของ Meta ได้แก่ Facebook, Instagram และ WhatsApp เพื่อให้ประสบการณ์ผู้ใช้ฉลาดและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
  2. AGI Foundations นำโดย Ahmad Al-Dahle และ Amir Frenkel มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI เชิงลึก เช่น โมเดลภาษา Llama ความสามารถด้านการให้เหตุผล (reasoning) การประมวลผลมัลติมีเดีย และเสียง ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการพัฒนา AGI

ทั้งนี้ หน่วยวิจัย Fundamental AI Research (FAIR) ของ Meta จะยังคงแยกเป็นอิสระ ยกเว้นทีมมัลติมีเดียบางส่วนที่ย้ายไปร่วมกับ AGI Foundations เพื่อเพิ่มการบูรณาการด้านเทคนิค

ไม่ใช่การปลดคนแต่คือการเร่งกลไก

การปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมการปลดพนักงานหรือการลาออกของผู้บริหาร แต่มีการโยกย้ายผู้นำบางส่วนจากแผนกอื่น เพื่อให้การพัฒนา AI ดำเนินไปอย่างคล่องตัวขึ้น Meta เชื่อว่าโครงสร้างแบบทีมย่อยที่มีความเป็นเจ้าของงาน (ownership) จะช่วยให้แต่ละทีมสามารถเร่งการพัฒนาได้มากกว่าเดิม

Chris Cox ระบุว่า โครงสร้างใหม่ของเรามุ่งหวังให้แต่ละทีมมีความเป็นเจ้าของในผลงานมากขึ้น และลดการพึ่งพาซึ่งกันและกันเมื่อไม่จำเป็น

ลโก้ Meta สีฟ้าบนพื้นหลังสีขาว สื่อถึงอนาคตของเทคโนโลยี AI
Meta ปรับโครงสร้างทีม AI ครั้งใหญ่ในปี 2025 เร่งพัฒนา AGI และขยายผลิตภัณฑ์อัจฉริยะรับศึกเทคโนโลยีระดับโลก

ส่งผลกระทบเชิงกลยุทธ์ต่อเทคโนโลยี AI

  1. เร่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ ด้วยโครงสร้างทีมที่ชัดเจน Meta สามารถพัฒนาและผลักดัน AI Assistant, AI Studio และฟีเจอร์ AI อื่น ๆ สู่ตลาดได้เร็วขึ้น ตอบสนองความต้องการผู้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น เช่น การแนะนำเนื้อหาอัตโนมัติ แชตบอตที่เข้าใจเจตนา หรือระบบสนับสนุนลูกค้าอัจฉริยะ
  2. ผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยี AGI AGI Foundations มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีลึก เช่น Llama ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ Meta รวมถึง AI ที่เข้าใจภาพ เสียง และสามารถให้เหตุผลเชิงบริบทได้ การลงทุนระยะยาวในกลุ่มนี้จะวางรากฐานสำคัญสำหรับนวัตกรรมในอนาคต
  3. ขยายการใช้ AI ในเชิงพาณิชย์ Meta นำ AI ไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์โฆษณา วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และปรับแต่งเนื้อหาแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น เพิ่ม ROI และสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าสำหรับผู้ใช้
  4. ปรับปรุงประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น การจัดทีมแบบแยกย่อยช่วยให้แต่ละทีมตัดสินใจและดำเนินการได้อย่างคล่องตัว ลดการรอคิวข้ามหน่วยงาน และลดการซ้ำซ้อนของทรัพยากร ซึ่งจะช่วยให้ Meta ตอบสนองต่อเทรนด์ AI ได้ทันท่วงที
  5. รับมือกับความท้าทายด้านจริยธรรม แม้จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ Meta ยังคงต้องเผชิญกับความกังวลเรื่องการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ความโปร่งใสของระบบ AI และอคติที่แฝงอยู่ในโมเดลการเรียนรู้ ซึ่งต้องมีแนวทางตรวจสอบและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

Meta กับเวทีการแข่งขันระดับโลก

การเคลื่อนไหวของ Meta ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าบริษัทต้องการยกระดับสถานะตัวเองในเวที AI ระดับโลก ท่ามกลางการแข่งขันกับ OpenAI ที่มี ChatGPT, Google ที่มี Gemini และ ByteDance ที่กำลังเร่งพัฒนา AI ภายใต้ TikTok

โครงสร้างทีม AI ใหม่ของ Meta ในปี 2025 เป็นการปรับตัวเชิงรุกเพื่อขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน การสร้างสมดุลระหว่างความเร็วในการพัฒนา นวัตกรรมล้ำหน้า และการรับผิดชอบต่อสังคม คือหัวใจสำคัญของ Meta ในยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์

ในโลกที่ AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีสื่อสารของผู้คน Meta กำลังเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อเป็นผู้นำในสมรภูมิแห่งอนาคตนี้

แหล่งอ้างอิง

https://www.axios.com/2025/05/27/meta-ai-restructure-2025-agi-llama

https://www.businessinsider.com/meta-llama-ai-talent-mistral-2025-5