Lululemon พลิกเกมแฟชั่นสายสุขภาพ จากโยคะสู่เวทีโลก

Lululemon จากร้านโยคะเล็ก ๆ สู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก

การดูแลสุขภาพไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราวแต่ลูลูเลม่อน (Lululemon) ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดเรื่องคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบรนด์หนึ่งที่สามารถถ่ายทอดแนวคิดนี้ผ่านสินค้าและประสบการณ์ได้อย่างลงตัว

 Lululemon Athletica แบรนด์สัญชาติแคนาดา ซึ่งเริ่มต้นจากร้านขายชุดโยคะขนาดเล็กในเมืองแวนคูเวอร์ ก่อนจะขยายตัวเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เป็นที่รู้จักในฐานะตัวแทนของไลฟ์สไตล์ที่สมดุลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ

สิ่งที่ทำให้ Lululemon โดดเด่นเหนือแบรนด์กีฬาอื่น ๆ ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ดีไซน์ที่ตอบโจทย์ แต่รวมถึงความสามารถในการสร้าง “ชุมชน” ที่เหนียวแน่นกับผู้บริโภค แบรนด์นี้ไม่ได้อาศัยการโฆษณาเชิงพาณิชย์แบบดั้งเดิมเป็นเครื่องมือหลัก แต่เลือกที่จะสร้างความสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมจริง เช่น คลาสโยคะภายในร้าน การวิ่งกลุ่ม หรือเวิร์กช็อปที่เน้นสุขภาพและจิตใจ นี่ไม่ใช่แค่การขายสินค้า แต่คือการทำให้แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต

อีกหนึ่งจุดแข็งที่ส่งเสริม Positioning ของแบรนด์ คือการลงทุนในวัสดุเฉพาะ เช่น ผ้า Luon™ และ Nulu™ ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะด้านความนุ่ม เบา ระบายอากาศได้ดี และเหมาะกับการเคลื่อนไหวทุกท่วงท่า สิ่งเหล่านี้ช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน Functional Fashion ที่เชื่อมโยงการออกกำลังกายเข้ากับความสุนทรีย์ในการใช้ชีวิต

แผนการขยายสาขาปี 2025

ข้อมูลจากเว็บไซต์ TheStreet ระบุว่า Lululemon วางแผนขยายตัวครั้งใหญ่ในปี 2025 โดยตั้งเป้าเปิดร้านใหม่ 40–45 แห่งทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง 10–15 สาขาในอเมริกาเหนือ และอีกจำนวนมากในประเทศจีน ทั้งยังมีแผนรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ในยุโรป เช่น อิตาลี เดนมาร์ก เบลเยียม ตุรกี และสาธารณรัฐเช็ก

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมปรับปรุงร้านเดิมกว่า 40 แห่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ยอดรายได้ในไตรมาส 4 ปี 2024 เพิ่มขึ้นถึง 12.7% จากปีก่อนหน้า 

โดยเฉพาะยอดขายจากตลาดต่างประเทศที่เติบโตถึง 20% ยิ่งตอกย้ำว่าการขยายธุรกิจในตลาดโลกเป็นกลยุทธ์ที่ให้ผลลัพธ์เป็นรูปธรรม

การเปิดตลาดในประเทศไทย

ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Lululemon ได้เปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 และตามมาด้วยสาขาที่ ICONSIAM ในปีถัดมา การเปิดร้านในไทยไม่ได้เป็นเพียงการขยายเชิงกายภาพเท่านั้น 

แต่ยังมีการออกแบบร้านให้สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น การใช้ลวดลายศิลปะไทยในพื้นที่ภายในร้าน การเลือกใช้โทนสีที่ให้ความรู้สึกสงบ และการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการฝึกโยคะหรือทำสมาธิ

ในมิติสังคม Lululemon ยังได้แต่งตั้งแอมบาสเดอร์คนไทยจากหลากหลายวงการ เช่น ครูโยคะชื่อดัง เทรนเนอร์ฟิตเนสมืออาชีพ และผู้ประกอบการสายสุขภาพ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมแบรนด์กับกลุ่มผู้บริโภคผ่านกิจกรรมจริง เช่น คลาสโยคะกลางแจ้ง การฝึก breathing meditation และกิจกรรม well-being ต่าง ๆ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มเป้าหมายเมืองหลวง

ความท้าทายและโอกาสในไทย

อย่างไรก็ตาม แม้ Lululemon จะมีจุดแข็งด้านคุณภาพและแบรนด์ดิ้งระดับสากล แต่การเจาะตลาดไทยก็เผชิญกับความท้าทายเรื่องกำลังซื้อ เพราะราคาสินค้ายังค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของผู้บริโภคในประเทศ 

กระนั้นก็ตาม ฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงในกรุงเทพฯ และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตใจและคุณภาพชีวิต กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับกระแส Athleisure ที่กลายเป็นสไตล์การแต่งตัวในชีวิตประจำวัน และการตื่นตัวเรื่องสุขภาวะหลังโควิด ทำให้ Lululemon มีจุดแข็งในการครองตลาดคนเมืองระดับกลาง-บน หากสามารถต่อยอดแบรนด์ให้ยังคงเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้ลึกและจริงจัง ก็มีแนวโน้มที่จะขยายไปยังหัวเมืองอื่นได้ในอนาคต

Lululemon เป็นกรณีศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ในยุคใหม่ไม่สามารถพึ่งพาแค่สินค้า แต่ต้องขับเคลื่อนด้วยแนวคิดและความเข้าใจในบริบทของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ความสำเร็จของแบรนด์นี้ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ทางยอดขาย 

แต่คือการสร้างชุมชนและความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าร่วมกัน เมื่อประเทศไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายนี้ จึงไม่ใช่เพียงการขยายทางภูมิศาสตร์ แต่คือการปลูกฝังแนวคิดใหม่ ๆ สู่ชีวิตของผู้คน

https://www.thestreet.com/retail/lululemon-fans-get-surprising-news-about-store-changes?

https://www.ryt9.com/en/prg/276392

https://www.nationthailand.com/pr-news/more/pr-news/40029764