ศึกภาษี iPhone ลามถึง Samsung เตรียมรับมือภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 25%
แม้จะดูเหมือนว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมุ่งเป้าไปที่ Apple เป็นหลัก แต่ผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังขยายวงกว้าง และอาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อ Samsung ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่จากเกาหลีใต้เช่นกัน
นับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม คำว่า “ภาษีศุลกากร” ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯ โดยเขาสัญญาว่าจะใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือกดดันทางการค้า เพื่อให้ข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ เป็นธรรมมากขึ้น พร้อมกระตุ้นให้บริษัทอเมริกันย้ายการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ ผ่านการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราที่สูง
Apple ตกเป็นเป้าหมายหลักอย่างชัดเจน โดยทรัมป์เรียกร้องให้บริษัทผลิต iPhone ในประเทศ แทนการพึ่งพาสายการผลิตในจีนและอินเดีย แม้ข้อเท็จจริงคือ การย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ นั้นมีความซับซ้อนและใช้เวลาไม่น้อยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม หากมีการเก็บภาษี 25% กับสมาร์ทโฟนที่ผลิตนอกสหรัฐฯ ตามที่ทรัมป์ประกาศ แนวทางนี้อาจส่งผลกระทบต่อซัมซุงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ใช่บริษัทอเมริกันก็ตาม เพราะสินค้าหลักของ Samsung เช่น Galaxy Series ส่วนใหญ่ผลิตในอินเดียและเวียดนาม ซึ่งจะถูกจัดเก็บภาษีเช่นเดียวกับ iPhone ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ

ความกังวลจึงไม่ได้อยู่เพียงที่ Apple จะต้องหาวิธีรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ยังรวมถึงซัมซุงที่อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาขายในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ราคาของ Galaxy Z Fold 7 เพิ่มขึ้นถึงระดับประมาณ 2,500 ดอลลาร์ หากภาษี 25% ถูกบังคับใช้จริง
รายงานจากสื่อเกาหลีใต้ระบุว่า ราคาสมาร์ทโฟนของซัมซุงในตลาดสหรัฐฯ อาจพุ่งขึ้นถึง 30–40% ซึ่งย่อมกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกเริ่มชะลอตัว และผู้บริโภคเปลี่ยนเครื่องใหม่ในรอบเวลาที่นานขึ้น
แม้แอปเปิลจะมีท่าทีตอบสนองด้วยการขยายกำลังการผลิต iPhone ไปยังอินเดีย แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะหลีกเลี่ยงผลกระทบหากสหรัฐฯ ใช้นโยบายเก็บภาษีในวงกว้าง โดยเฉพาะกับสินค้าที่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศนอกสหรัฐฯ ทั้งหมด
แหล่งอ้างอิง