ภาพเปรียบเทียบ GPT-5 กับ GPT-4o

บทเรียนจาก GPT-5 เมื่อความล้ำยุคของเทคโนโลยี ไม่ได้แปลว่า “ผู้ใช้พึงพอใจ”

GPT-5 เปิดตัวแล้ว แต่ทำไมหลายคนยังรู้สึกว่า GPT-4o ใช้งานดีกว่า?

เมื่อ OpenAI ประกาศเปิดตัว GPT-5 อย่างเป็นทางการ ความคาดหวังคือ “การปฏิวัติครั้งใหม่ของ AI” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้หลายคนตั้งคำถาม—เพราะผู้ใช้จำนวนไม่น้อยบอกว่า “GPT-4o ยังให้ความรู้สึกดีกว่า” ทั้งที่บนกระดาษ GPT-5 ล้ำหน้ากว่าแทบทุกมิติ

GPT-5: สิ่งที่เก่งขึ้นจริง

  • เหตุผลและความแม่นยำ ดีกว่าชัดเจน โดยเฉพาะงานเขียน งานโปรแกรม และงานวิเคราะห์เชิงลึก
  • ลด Hallucinations อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมแนวทางตอบ “คำตอบที่ปลอดภัย” แทนการปฏิเสธทื่อ ๆ
  • สาธิต “vibe coding” สร้างเว็บแอปสองสไตล์จากคำสั่งเดียว แสดงความเข้าใจแนวคิดระดับสูงและแปลงเป็นซอฟต์แวร์ได้

แล้วทำไมหลายคนยังชอบ GPT-4o?

1) ความรู้สึกและการโต้ตอบ

GPT-4o เด่นเรื่องบทสนทนาธรรมชาติ โดยเฉพาะเสียงแบบเรียลไทม์และการโต้ตอบมัลติโมดัลที่ “มีอารมณ์” ทำให้รู้สึกเหมือนคุยกับคนจริง ขณะที่ GPT-5 มักตอบสั้น กระชับ ทางการ—ถูกต้องกว่า แต่ อุ่นใจน้อยกว่า ในสายตาผู้ใช้ทั่วไป

2) งานคนละแบบ ผลลัพธ์คนละฟีล

งานที่ต้อง ความแม่นยำสูง การวิเคราะห์ซับซ้อน โค้ดดิ้ง เอกสารมืออาชีพ—GPT-5 ชนะขาด แต่ถ้าเป็นการคุยไอเดีย ระดมความคิด หรือแชทสบาย ๆ—หลายคนยัง รู้สึก ว่า GPT-4o ดีกว่า

3) นิสัยการใช้งานเดิม

ผู้ใช้จำนวนมากคุ้นกับ “น้ำเสียง” และสไตล์ของ GPT-4o เมื่อเจอ GPT-5 ที่เข้มกว่า แม้จะเก่งเชิงเทคนิค แต่กลับ ไม่ตรงฟีล ที่คาดหวัง

เลือกใช้ให้ถูกงาน: คำแนะนำแบบตรงไปตรงมา

ควรใช้ GPT-5 เมื่อ

  • ต้องการ ความแม่นยำสูง และการให้เหตุผลที่รัดกุม
  • ทำงาน เขียนโปรแกรม/เทคนิค หรือเอกสารระดับองค์กร
  • ต้องจัดการงานซับซ้อนหลายขั้นตอน
  • ต้องการแนวทางคำตอบที่ ปลอดภัยและสอดคล้องนโยบาย มากขึ้น

ควรใช้ GPT-4o เมื่อ

  • ต้องการสนทนา ธรรมชาติ มีอารมณ์ และโต้ตอบรวดเร็ว
  • ใช้งาน เสียงแบบเรียลไทม์ เป็นหลัก
  • เน้น ความคิดสร้างสรรค์/ระดมความคิด
  • ต้องการประสบการณ์ที่ “เหมือนคุยกับมนุษย์”

สรุปเปรียบเทียบสั้น ๆ

มิติGPT-5GPT-4o
เหตุผล/ความแม่นยำดีที่สุด ลดหลอน ชอบงานจริงจังดีมาก แต่ไม่เน้นความเข้มเท่า GPT-5
ประสบการณ์สนทนาเป็นทางการ กระชับลื่นไหล มีอารมณ์ เป็นธรรมชาติ
เสียง/มัลติโมดัลรองรับ แต่น้ำเสียงไม่ชวนคุยเท่าแข็งแรง เด่นด้าน “ฟีล”
งานโปร/องค์กรแนะนำทำได้ แต่จุดเด่นไม่ใช่ตรงนี้

บทสรุป

ปรากฏการณ์ที่หลายคนยังชอบ GPT-4o แม้ GPT-5 จะก้าวหน้ากว่า สะท้อนบทเรียนสำคัญว่า “ความก้าวหน้าทางเทคนิค ≠ ความพึงพอใจของผู้ใช้”. บางครั้งสิ่งที่ผู้คนต้องการ คือการโต้ตอบที่ อบอุ่น เป็นธรรมชาติ และมีชีวิตชีวา มากกว่าความสมบูรณ์แบบเชิงสเปก นักพัฒนา AI จึงต้องออกแบบทั้ง “ความสามารถ” และ “ประสบการณ์ใช้งาน” ไปพร้อมกัน

ท้ายที่สุด GPT-5 และ GPT-4o ต่างมีพื้นที่ของตัวเอง—ขึ้นอยู่กับงานที่ทำ และรูปแบบการโต้ตอบที่คุณสบายใจที่สุด

แหล่งที่มา

หมายเหตุ: เนื้อหานี้สรุปจากรายงานและเดโมสาธิตของ OpenAI รวมถึงบทวิเคราะห์จากสื่อที่อ้างอิงด้านบน