ส่องข้อมูลวิทยาศาสตร์ก่อนเลือกเพื่อผิวที่ดีขึ้น
ในยุคที่ใคร ๆ ก็ใส่ใจสุขภาพผิวและความอ่อนเยาว์ “คอลลาเจน” กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคำหนึ่งในวงการอาหารเสริม ความสับสนที่หลายคนมักเจอคือ คอลลาเจนแบบทั่วไปต่างจาก “คอลลาเจนเปปไทด์” อย่างไร และแบบไหนดีกว่ากัน?
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจความแตกต่างอย่างลึกซึ้ง พร้อมสรุปผลการวิจัยจากแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจในการดูแลผิวและข้อของตัวเอง
คอลลาเจนคืออะไร
คอลลาเจนคือ โปรตีนหลักในร่างกาย ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของผิวหนัง กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีมากกว่า 28 ชนิด โดย ชนิดที่เกี่ยวข้องกับผิวโดยตรงคือ Type I และ Type III
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้ผิวแห้ง หย่อนคล้อย และริ้วรอยเริ่มปรากฏ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ข้อต่อเสื่อมลงตามวัย

คอลลาเจนเปปไทด์คืออะไร
คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptides) หรือที่เรียกว่า ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน คือคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลง ทำให้ ดูดซึมได้ง่ายกว่า และถูกนำไปใช้ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคอลลาเจนแบบปกติ
ความแตกต่างระหว่างคอลลาเจนกับคอลลาเจนเปปไทด์
ความแตกต่างหลักระหว่างคอลลาเจนทั่วไปกับคอลลาเจนเปปไทด์ อยู่ที่กระบวนการดูดซึมและประสิทธิภาพในการใช้งานของร่างกาย
คอลลาเจนทั่วไปมีขนาดโมเลกุลใหญ่ ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ยาก จำเป็นต้องผ่านกระบวนการย่อยก่อนจึงจะสามารถนำไปใช้ได้
ขณะที่คอลลาเจนเปปไทด์ หรือ Hydrolyzed Collagen ได้ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิสมาแล้ว ทำให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลงมาก ร่างกายจึงสามารถดูดซึมผ่านลำไส้ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกันในด้านผลลัพธ์ต่อผิวและข้อต่อ คอลลาเจนเปปไทด์จึงให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นของผิว และการลดเลือนริ้วรอย รวมถึงการบรรเทาอาการปวดข้อในระยะยาวด้วย
แบบไหนดีกว่า
แม้ทั้งสองแบบมีเป้าหมายเหมือนกันคือ “เสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกาย” แต่ คอลลาเจนเปปไทด์ ได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจาก ดูดซึมได้ดีและเห็นผลชัดเจนกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของ ความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นของผิว และสุขภาพข้อต่อ
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุน
มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาผลของคอลลาเจนและคอลลาเจนเปปไทด์ต่อผิวหนังและข้อ โดยผลลัพธ์ชี้ไปในทางเดียวกันว่า คอลลาเจนเปปไทด์ที่ผ่านการไฮโดรไลซ์และมีโมเลกุลขนาดเล็กสามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้จริง เช่น
- Meiji ยืนยันว่าคอลลาเจนสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและใช้งานในร่างกายได้
- Rousselot การรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ 10 กรัม/วัน นาน 4–8 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว
- VERISOL คอลลาเจนเปปไทด์ 2.5 กรัม/วัน ช่วยลดริ้วรอยและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
- Pure Gold Collagen สูตรที่ผสมไฮยาลูโรนิกแอซิดและวิตามิน ช่วยให้ผิวดีขึ้นใน 12 สัปดาห์
- งานวิจัยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน แสดงให้เห็นว่าการกินคอลลาเจนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวและลดริ้วรอยได้อย่างมีนัยสำคัญ
- Bioactive Ultra Collagen Peptide เพิ่มความหนาแน่นของคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและยืดหยุ่นดีขึ้น
- สำหรับข้อต่อ มีหลักฐานว่าสามารถช่วยลดอาการปวดข้อในผู้สูงอายุและนักกีฬาได้จริง
รูปแบบอาหารเสริมคอลลาเจนในท้องตลาด
- แบบผง ชงดื่ม ผสมกับน้ำหรือกาแฟ ความเข้มข้นสูง
- แบบเม็ด พกพาง่าย สะดวก แต่ต้องทานหลายเม็ดเพื่อให้ได้ปริมาณที่เพียงพอ
- แบบน้ำ ดูดซึมเร็ว รสชาติดี แต่บางยี่ห้อมีความเข้มข้นต่ำกว่าแบบผง
- แหล่งที่มา ปลาทะเล (Marine) จะดูดซึมได้ดีกว่าวัว (Bovine)
ถ้าอยากผิวดี ข้อดี คอลลาเจนเปปไทด์คือคำตอบ แม้คอลลาเจนทุกชนิดจะมีประโยชน์ แต่จากงานวิจัยมากมายที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า คอลลาเจนเปปไทด์ โดยเฉพาะชนิดที่ผ่านการไฮโดรไลซ์และมีขนาดโมเลกุลเล็ก นั้น ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดต่อสุขภาพผิวและข้อ
แหล่งอ้างอิง
CNET. Collagen vs. Collagen Peptides: Which Is Best For Your Skin?
https://www.rattinan.com/collagen/
https://www.nestlehealthscience-th.com/health-management/aging/Boost_Collagen_Skin_Bone
https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/375
https://www.amway.co.th/nutrilite-collagen