ท่ามกลางความรุ่งเรืองที่ปกคลุมด้วยเงาอาชญากรรมไซเบอร์และการค้ามนุษย์

กัมพูชา สวรรค์ของนักต้มตุ๋น ประเทศที่กำลังล่มสลายภายใต้จักรวรรดิอาชญากรรมไซเบอร์

ในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลพนมเปญพยายามชูภาพลักษณ์ “ประเทศปลอดภัยและน่าลงทุน” กัมพูชากลับถูกโลกจับตามองในฐานะ ศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีประเทศใดในภูมิภาคที่ “รัฐกับอาชญากร” อยู่ใกล้กันเท่านี้อีกแล้ว

เศรษฐกิจใต้ดินที่โตเร็วกว่า GDP

ปี 2025 กัมพูชาครองอันดับ 1 ใน ดัชนีอาชญกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ASEAN Crime Index” ด้วยคะแนนอาชญากรรม 51.3 เต็ม 100 สะท้อนปัญหาที่ฝังลึกทั้งระบบ ตั้งแต่การคอร์รัปชันในหน่วยงานรัฐจนถึงการมีส่วนเกี่ยวข้องของผู้มีอำนาจทางการเมืองกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ

รายงานจากองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ประเมินว่า “เศรษฐกิจหลอกลวง” หรือ Scam Economy ในกัมพูชามีมูลค่ามากกว่า 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปีหรือราว 4.07 แสนล้านบาทคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็นรายได้ที่ไม่ได้มาจากการผลิตสินค้า แต่มาจากการกักขัง ข่มขู่ และบังคับแรงงานมนุษย์ในโลกไซเบอร์

ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่เคยถูกวางให้ดึงดูดนักลงทุนจีน กลับกลายเป็น ค่ายกักขังแรงงานไซเบอร์ ที่มีทั้งคนจีน เวียดนาม ไทย และเกาหลีใต้ ถูกล่อลวงเข้ามา โดยหลอกให้มาทำงานในคอลเซ็นเตอร์หรือ “ศูนย์บริการลูกค้า” ก่อนจะถูกยึดพาสปอร์ต ถูกทำร้าย และบังคับให้ทำงานต้มตุ๋นออนไลน์ตลอด 12 ชั่วโมงต่อวัน

นักสิทธิมนุษยชนเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ทาสยุคดิจิทัล” (Digital Slavery) ระบบที่ผูกขาดด้วยความโลภและคอร์รัปชัน ซึ่งสร้างกำไรมากกว่าการค้าแรงงานผิดกฎหมายเสียอีก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ โช ฮยอน (ด้านหลังขวา) พบปะหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูช ปรัก โซคอน (ด้านหลังซ้าย) ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 24 กันยายน บนกรอบของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ

สวรรค์นักท่องเที่ยวที่กลายเป็นแดนสยอง

ภาพลักษณ์ “ประเทศปลอดภัย ราคาถูก และเป็นมิตร” ของกัมพูชาถูกทำลายจนแทบไม่เหลือ โดยเฉพาะเมื่อเกิดคดีลักพาตัว ข่มขู่ และสังหารชาวต่างชาติที่ถูกหลอกให้มาทำงาน

เฉพาะครึ่งแรกของปี 2025 มีชาวต่างชาติถูกจับกุมและช่วยเหลือจากแก๊งต้มตุ๋นกว่า 2,100 ราย และมีเหยื่อที่ยังถูกกักขังอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 คน หลายคนถูกทรมาน บางคนถูกฆ่าทิ้งเมื่อพยายามหลบหนี

หนึ่งในเหยื่อที่สะเทือนใจที่สุดคือ นักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกหลอกมาสมัครงานในพนมเปญ ก่อนถูกลักพาตัว ทรมาน และเสียชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องออกคำเตือนระดับสูงสุด และเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาเข้าพบเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการ

“กัมพูชาได้กลายเป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับคนหนุ่มสาวที่ใฝ่หางานต่างประเทศ” — คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเกาหลีใต้

ภาพหนังสือเดินทางต่างประเทศlส่วนใหญ่จะเป็นของคนไทยหลายเล่มที่ถูกทิ้งในถังขยะที่กัมพูชาได้รับความสนใจอย่างมากทางออนไลน์

พันธมิตรในเงามืด จากอาชญากรสู่รัฐ

สิ่งที่ทำให้วิกฤตกัมพูชาน่ากลัวไม่ใช่แค่จำนวนเหยื่อ แต่คือความจริงที่ว่า “หลายศูนย์หลอกลวงดำเนินงานภายใต้การคุ้มครองของเจ้าหน้าที่รัฐ”

รายงานจาก Reuters, Al Jazeera และสหประชาชาติระบุว่า มีหลักฐานเชื่อมโยงผู้มีอิทธิพลในรัฐบาลกัมพูชากับธุรกิจมืด ตั้งแต่การรับสินบน ไปจนถึงการร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใช้เป็นฐานตั้งศูนย์หลอกลวง

องค์กรสิทธิมนุษยชนระบุว่า การปราบปรามของรัฐบาลเป็นเพียง “ละครโชว์” จับกุมไม่กี่ร้อย ปล่อยพันคน และเปิดศูนย์ใหม่ในชื่อใหม่ ผลคืออาชญากรย้ายที่ทำงานเท่านั้น ไม่เคยหยุดจริง

“มันไม่ใช่การปราบปราม แต่เป็นการจัดระเบียบใหม่ให้กลไกอาชญากรรมอยู่ภายใต้รัฐ” — รายงาน องค์การนิรโทษกรรมสากล มิ.ย. 2025

เหยื่อชาวเกาหลี จากความฝันสู่ฝันร้าย

ตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2025 จำนวนชาวเกาหลีใต้ที่ตกเป็นเหยื่อในกัมพูชาเพิ่มขึ้นจาก 1 คนเป็นกว่า 330 คนต่อปี ส่วนใหญ่ถูกหลอกด้วยข้อเสนองานเงินเดือนสูงในต่างประเทศ ก่อนถูกส่งเข้าค่ายหลอกลวง ให้ทำงานปลอมแปลงข้อมูลและหลอกเหยื่อคนอื่นผ่านโซเชียลมีเดีย

รัฐบาลเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจ “Korean Desk” ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือและสืบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองเกาหลี พร้อมเพิ่มระดับคำเตือนการเดินทางสำหรับพนมเปญเป็น “ระดับ 2.5 หลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง”

แต่ถึงอย่างนั้น เหยื่อก็ยังมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ทางการกัมพูชายังไม่มีการดำเนินคดีต่อผู้มีอิทธิพลรายใหญ่แม้แต่รายเดียว

ไทม์ไลน์สำคัญของชาวเกาหลีที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งหลอกลวงในกัมพูชา

 29 กรกฎาคม 2022 รัฐบาลเกาหลีเปิดฉากปราบปรามแก๊งฟิชชิ่ง

รัฐบาลเกาหลีริเริ่มการสอบสวนร่วมกันเพื่อตามล่ากลุ่มมิจฉาชีพฟิชชิ่งทางโทรศัพท์ที่ตั้งฐานอยู่ในกัมพูชา แก๊งนี้มีโครงสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในหลายรูปแบบ ทั้งการหลอกลวงความรัก การเรียกค่าไถ่ทางเพศ การแฮ็ก การให้คำแนะนำหุ้นปลอม และการหลอกลวงคริปโตเคอเรนซี มีการจับกุมสมาชิกชาวเกาหลีและหัวหน้าแก๊งชาวต่างชาติหลายราย โดยกลุ่มนี้มีความชำนาญในการย้ายฐานปฏิบัติการภายในกัมพูชาอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม

 สิงหาคม 2023 – มิถุนายน 2024 แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเงินกว่า 6,500 ล้านวอน

กลุ่มหลอกลวงคอลเซ็นเตอร์และการฉ้อโกงการจ้างงานที่ดำเนินการโดยนายหน้าชาวเกาหลีในกัมพูชา สามารถหลอกลวงเหยื่อถึง 61 รายไปแล้วกว่า 6,500 ล้านวอน (ประมาณ 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เหยื่อถูกล่อด้วยคำสัญญางานในต่างประเทศที่มีเงินเดือนสูงลิ่ว แต่เมื่อมาถึงกัมพูชากลับถูกกักขังและถูกเอาเปรียบอย่างหนัก เจ้าหน้าที่จับกุมผู้เกี่ยวข้อง 18 คนในเดือนตุลาคม 2024

 2022-2024 สถิติอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

จำนวนคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับงานและการกักขังชาวเกาหลีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล จากเพียง 1 ราย ในปี 2022 พุ่งทะยานเป็น 220 ราย ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของแก๊งอาชญากรรมอย่างรวดเร็ว

 มกราคม – สิงหาคม 2025 ระบาดหนักถึง 330 รายในเวลาเพียง 8 เดือน

ภายในระยะเวลาแค่ 8 เดือนแรกของปี 2025 มีการยื่นเรื่องร้องเรียนถึง 330 ราย ครอบคลุมทั้งการหลอกลวงเรื่องงาน การลักพาตัว และการกักขัง เหยื่อส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำงานในคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงหรือมีส่วนร่วมในแผนการเรียกค่าไถ่ต่างๆ หลายรายถูกทรมานทางร่างกายอย่างโหดร้าย โดยมีกรณีที่สะเทือนขวัญที่สุดคือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เสียชีวิตจากการทรมานอย่างรุนแรง

สิงหาคม 2025 ความตายที่สั่นสะเทือนสังคมเกาหลี

การเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีจากการทรมานในกัมพูชาทำให้สังคมเกาหลีตกตะลึงและโกรธแค้น เหตุการณ์นี้ดึงความสนใจระดับชาติต่อความโหดร้ายของแก๊งอาชญากรรมที่ใช้คำเชิญงานปลอมเป็นเครื่องมือล่อเหยื่อ

 10-13 ตุลาคม 2025 เกาหลีใต้เดินหน้าเต็มสูบจัดตั้ง “Korean Desk”

รัฐบาลเกาหลีใต้ดำเนินการอย่างจริงจังด้วยการเรียกตัวเอกอัครราชทูตกัมพูชามาพบปะและเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน มีการจัดตั้ง “Korean Desk” หน่วยงานเฉพาะภายใต้ความร่วมมือกับตำรวจกัมพูชาเพื่อรับมือกับอาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น ในเวลาเดียวกัน ตำรวจเกาหลีใต้ก็สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายที่เชื่อมโยงกับแก๊งลักพาตัวและแสวงหาผลประโยชน์จากพลเมืองเกาหลีในกัมพูชาได้

ประเทศที่ถูกอาชญากรรมยึดครองอย่างแท้จริง

กัมพูชาในปี 2025 จึงไม่ใช่เพียงประเทศที่มีปัญหาอาชญากรรมทั่วไป แต่คือ “รัฐที่ถูกยึดครองโดยอาชญากร” (State Captured by Crime) ซึ่งอาจเป็นคำอธิบายที่ตรงที่สุด

ในขณะที่ผู้นำประเทศยังคงปราศรัยเรื่อง “สันติภาพและการพัฒนา” เสียงร่ำไห้จากแรงงานที่ถูกทรมานในศูนย์หลอกลวงและครอบครัวเหยื่อจากเกาหลี ไทย และจีน กำลังบอกโลกว่า ประเทศนี้ได้สูญเสีย “จิตวิญญาณแห่งความเป็นรัฐ” ไปแล้ว

มายาคติของ “ผู้ถูกกระทำ” และเกมข่าวปลอม

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลกัมพูชาถูกวิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติ ก็กลับเลือกใช้ “กลยุทธ์แบบเดิม” สร้างกระแสข่าวปลอม โจมตีประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ “ประเทศไทย”

มีการเผยแพร่ข่าวเท็จผ่านสื่อของรัฐและบัญชีโซเชียลที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานรัฐบาล กล่าวหาว่าไทยรุกรานชายแดน ยิงชาวกัมพูชา หรือก่อเหตุยั่วยุ ทั้งที่หลักฐานชี้ชัดว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มต้นเหตุการณ์เอง

แหล่งข่าวความมั่นคงไทยระบุว่า “พวกเขาใช้ประชาชน เด็ก สตรี และพระ เป็นโล่มนุษย์ แล้วถ่ายภาพส่งออกไปให้โลกเห็นเหมือนตัวเองเป็นเหยื่อ”

นี่คือ “สงครามข้อมูล” (Information War) ที่รัฐบาลกัมพูชาใช้เพื่อเบี่ยงความสนใจจากปัญหาภายใน และรักษาอำนาจในประเทศที่กำลังสั่นคลอนจากอาชญากรรมระดับโครงสร้าง

ภายนอก กัมพูชาพยายามสร้างภาพว่าเป็นผู้ถูกกระทำในความขัดแย้งระดับภูมิภาค แต่ภายในกลับเป็นประเทศที่ปล่อยให้อาชญากรรมเฟื่องฟูจนกลืนกินระบบรัฐเอง

ในขณะที่โลกเริ่มรู้เท่าทัน “จักรวรรดิแห่งนักต้มตุ๋น” แห่งนี้ สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ รัฐบาลกัมพูชายังคงเลือกเดินในเส้นทางเดิม คือ “ปั้นตัวเองเป็นเหยื่อ” เพื่อปกปิดความจริงว่า แท้จริงแล้ว พวกเขาคือผู้สมรู้ร่วมคิดกับปีศาจที่สร้างขึ้นเอง

แหล่งที่มา