Apple กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย นั่นคือการตกเป็นฝ่ายตามในสนามเทคโนโลยี AI หลังจากที่ OpenAI และ Google ต่างก้าวล้ำหน้าไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุด Tim Cook ได้จัดประชุมพิเศษที่สำนักงานใหญ่คูเปอร์ติโน เพื่อเน้นย้ำกับพนักงานว่า
“Apple ต้องทำเรื่องนี้ Apple จะทำเรื่องนี้ นี่คือโอกาสที่เราต้องคว้าไว้”
ทีม Answers กับภารกิจใหม่
Apple ได้จัดตั้งทีมลับชื่อ Answers, Knowledge and Information ตั้งแต่ต้นปี 2025 โดยมีเป้าหมายพัฒนา AI chatbot ของตัวเอง เพื่อเป็นคู่แข่ง ChatGPT แบบเรียบง่าย นำโดย Robby Walker อดีตหัวหน้าทีม Siri ซึ่งกำลังเร่งหาผู้เชี่ยวชาญด้านอัลกอริทึมค้นหาเพื่อเสริมทีม
AI ตัวนี้ถูกออกแบบให้สามารถค้นหาข้อมูลจากเว็บและตอบคำถามได้ อาจมาในรูปแอปเฉพาะทาง หรือผนวกเข้ากับ Siri, Spotlight และ Safari

เดิมพันใหญ่กับ AI แบบ On-Device
ต่างจากคู่แข่งที่เน้นการประมวลผลบนคลาวด์ Apple เลือกใช้โมเดล AI แบบ on-device ที่มีขนาดประมาณ 3 พันล้านพารามิเตอร์ และออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Apple Silicon การประมวลผลภายในเครื่องจะช่วยให้:
- ตอบสนองรวดเร็ว
- รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
- ใช้งานได้แม้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
Tim Cook ยอมรับว่า Apple มักเริ่มต้นช้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ก็สามารถตั้งมาตรฐานใหม่ได้ในที่สุด เช่นเดียวกับ Mac, iPhone, iPad และ iPod โดยเปรียบ AI ว่าสำคัญไม่แพ้สมาร์ทโฟนหรืออินเทอร์เน็ต
Apple เผชิญความท้าทายหลายด้าน เช่น การลาออกของวิศวกร AI ไปยัง Meta และการเลื่อน Siri เวอร์ชันใหม่ไปถึงปี 2026 เพราะต้องปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมทั้งหมด
เพื่อเร่งสปีด Apple ได้จ้างพนักงานใหม่กว่า 12,000 คนในปีที่ผ่านมา โดย 40% เป็นด้าน R&D รวมถึงพัฒนาชิป AI ชื่อ “Baltra” เปิดโรงงานเซิร์ฟเวอร์ที่ฮูสตัน และเตรียมซื้อกิจการเพื่อเสริมแกร่งด้าน AI
ผลจากความพยายามเหล่านี้คือ “Apple Intelligence” ที่เปิดตัวใน WWDC 2025 ซึ่งเน้นการประมวลผลบนอุปกรณ์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกข้อความ ภาพ หรือองค์ประกอบต่าง ๆ บนหน้าจอเพื่อให้ AI วิเคราะห์ สรุป หรือแปลภาษาได้ทันที
Apple ยังเปิด API ผ่าน Foundation Models Framework ให้นักพัฒนาเข้าถึงโมเดล AI นี้ โดยเน้นความปลอดภัยของข้อมูล ไม่ส่งออกนอกอุปกรณ์
แม้จะเริ่มต้นช้ากว่าคู่แข่ง แต่ Apple เลือกวางกลยุทธ์แบบ “เริ่มช้า แต่จบแรง” โดยยึดหลักคุณภาพและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นสำคัญ ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ต้องติดตามกันใน 1–2 ปีข้างหน้า