ศูนย์ Hyperion ใช้พลังงานสูงถึง 5GW เพื่อช่วงชิงความเป็นผู้นำในยุค AI
Meta บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ นำโดย Mark Zuckerberg ประกาศแผนการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทภายใต้ชื่อ “Hyperion” ซึ่งจะมีขนาดการใช้พลังงานสูงถึง 5 กิกะวัตต์ (GW) เพื่อตอบโจทย์การพัฒนา AI ขั้นสูงในอนาคต
ศูนย์ข้อมูล Hyperion พื้นฐานสำคัญสู่ Superintelligence
Zuckerberg เผยแพร่รายละเอียดผ่าน Threads โดยระบุว่า Meta ต้องการยกระดับศักยภาพของ AI ไปสู่ระดับ “Superintelligence” ภายในไม่กี่ปี โดยศูนย์ข้อมูล Hyperion จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักที่จะขับเคลื่อนภารกิจนี้ และฐานที่มั่นจะมีขนาดใหญ่พอที่จะครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะแมนฮัตตัน
“เรากำลังสร้าง Supercomputer Cluster ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับระบบ AI ที่ทรงพลังที่สุดที่เราเคยพัฒนา” — Zuckerberg
Prometheus และ Hyperion ศูนย์ข้อมูลแห่งอนาคต
- Prometheus Data Center จะเริ่มใช้งานในปี 2026 ด้วยขนาด 1 GW
- Hyperion Supercluster จะมีขนาดถึง 5 GW เทียบเท่าการใช้พลังงานของเมืองขนาดกลาง
การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวของ Meta ที่จะทุ่ม “หลายแสนล้านดอลลาร์” ในโครงสร้างพื้นฐาน AI เพื่อแข่งขันกับ OpenAI, Google DeepMind และ Anthropic
เป้าหมายดึงดูดสุดยอดนักวิจัย AI ทั่วโลก
Meta ได้จัดตั้ง AI Superintelligence Lab และเริ่มดึงดูดวิศวกรจากบริษัทชั้นนำ เช่น Google, Apple และ OpenAI เพื่อร่วมพัฒนาโมเดลภาษา (LLM) และระบบ AI แบบ Multi-agent ที่ล้ำหน้า
Meta ยังได้ดึงบุคลากรชั้นนำเข้าร่วม เช่น Alexandr Wang (อดีต CEO ของ Scale AI) และ Daniel Gross (อดีต CEO ของ Safe Superintelligence) โดยมุ่งเน้นที่การเสริมกำลังการประมวลผลเพื่อฝึกโมเดล AI ขั้นสูง (Frontier AI)
ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่เช่นนี้แม้จะช่วยยกระดับศักยภาพ AI ทั่วโลก แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดหาพลังงานสะอาดและยั่งยืน
Meta กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนา AI ด้วยความมุ่งมั่นสร้างระบบ Superintelligence ที่ใกล้เคียงมนุษย์มากที่สุด การสร้างศูนย์ข้อมูล Hyperion ขนาด 5GW อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก
📌 แหล่งข้อมูล