Rhode เตรียมเข้าสู่ Sephora ฤดูใบไม้ร่วง 2025 ก้าวใหม่ของกลยุทธ์ DTC

ก้าวใหม่ของกลยุทธ์ DTC สู่ Sephora


Rhode x Sephora เมื่อแบรนด์มินิมอลปักหมุดรีเทล

ในโลกของอุตสาหกรรมความงามที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หนึ่งในแบรนด์ที่ถูกจับตาอย่างมากในปี 2025 คือ โร้ด (Rhode) แบรนด์สกินแคร์ของ เฮลีย์ บีเบอร์  (Hailey Bieber) ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในหมู่ Gen Z และคนรักความงามทั่วโลกด้วยภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ภายใต้แนวคิด “minimal but effective”

ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 จะเป็นครั้งแรกที่ Rhode ก้าวออกจากโลกออนไลน์และเข้าสู่ชั้นวางของ เซโฟรา (Sephora) ร้านค้าปลีกเครื่องสำอางอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเริ่มจากสหรัฐอเมริกา ก่อนจะขยายสู่แคนาดาและสหราชอาณาจักร นี่ไม่ใช่แค่การขยับขยายช่องทางจำหน่าย แต่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ที่อาจพลิกบทบาทของ Rhode จากแบรนด์ niche ไปสู่ mass market ได้เลยทีเดียว

เมื่อแบรนด์ออนไลน์ต้องปรับตัว

Rhode เริ่มต้นจาก Direct-to-Consumer (DTC) โมเดลธุรกิจที่ขายตรงถึงลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ความสำเร็จของโมเดลนี้ในช่วงแรกช่วยให้แบรนด์ควบคุมต้นทุน สร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน และสื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ในโลกแห่งความจริงที่ช่องทางออฟไลน์ยังครองตลาดส่วนใหญ่ กลยุทธ์ DTC เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน การเข้าสู่ Sephora ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางรายได้ผ่านรูปแบบ Omnichannel ซึ่งเชื่อมต่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ

การเข้าร่วม Sephora ยังเปิดโอกาสให้ Rhode เข้าถึงลูกค้าที่ไม่รู้จักแบรนด์มาก่อน และช่วยเสริมความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ผ่านประสบการณ์จริงในร้าน ทั้งการทดลองสินค้าและการรับคำแนะนำจากพนักงาน

ด้วยพลังของกระแสออนไลน์ 

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Rhode ประสบความสำเร็จในช่วงเวลาสั้น ๆ คือการสร้างแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย ด้วยการใช้พลังของ Hailey Bieber และภาพลักษณ์ของ Glazed Doughnut Skin หรือผิวโกลว์ฉ่ำน้ำจนเปล่งประกายเหมือนโดนัทเคลือบน้ำตาล กลายเป็นไวรัลใน Instagram และ TikTok ในช่วงปี 2023–2024 ที่ผ่านมา

ในปี 2024 เพียงปีเดียว Rhode สร้างมูลค่าสื่อ (Earned Media Value) ได้สูงถึง 248 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่มขึ้นกว่า 366% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงถึงพลังของคอนเทนต์ที่ถูกสร้างจากผู้บริโภคจริงและอินฟลูเอนเซอร์ที่ไม่ได้ถูกจ้างโดยตรง

กลยุทธ์นี้ช่วยลดงบการตลาดแบบเดิม และสร้างภาพลักษณ์ที่ดูจริงใจและมีความใกล้ชิด กับกลุ่มเป้าหมายอย่าง Gen Z ที่ให้คุณค่ากับแบรนด์ที่สื่อสารด้วยความโปร่งใสและธรรมชาติ

เป็นมากกว่าแบรนด์ของคนดัง

แม้ Rhode จะได้รับแรงส่งจากความเป็น Celebrity Brand หรือ แบรนด์สินค้าหรือบริการที่ถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลมีชื่อเสียง แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้โดดเด่นกว่าคือคุณภาพผลิตภัณฑ์และการออกแบบประสบการณ์ผู้บริโภคที่เฉียบคม คือ

  • ผลิตภัณฑ์เน้นฟังก์ชัน มีจำนวน SKU ไม่มาก เน้นใช้ได้ทุกวัน เช่น lip treatment, peptide glazing fluid ฯลฯ
  • ดีไซน์เรียบ มินิมอล บรรจุภัณฑ์ดูสะอาด สบายตา ไม่หวือหวา แต่สะท้อนความใส่ใจในรายละเอียด
  • การสื่อสารตรงใจ ใช้ภาษาเรียบง่าย ใกล้ชิด ไม่เน้นขาย แต่เน้นแชร์
  • ทั้งหมดนี้ทำให้ Rhode กลายเป็นที่จดจำ และถูกพูดถึงต่อแบบ organic โดยที่แบรนด์ไม่ต้อง “ตะโกน” แข่งกับใครบนชั้นวาง

Sephora เวทีแห่งโอกาสและความท้าทาย

การเข้าสู่ Sephora ถือเป็นการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด แต่ก็มีความท้าทายที่มาพร้อมกันอย่างไม่อาจเลี่ยง ซึ่งโอกาสและความท้าทาย

  • Brand Visibility  ได้รับการจัดวางในพื้นที่ทองของร้านค้าระดับโลก
  • New Market Reach เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่แฟนคลับ Hailey หรือไม่คุ้นกับแบรนด์
  • Trust Building การอยู่ใน Sephora ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือทันทีจากสายตาลูกค้า
  • การแข่งขันรุนแรง ต้องแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Fenty Beauty, Rare Beauty, The Ordinary เป็นต้น
  • การบริหารสต็อก: จาก DTC ที่วางแผนง่าย  กลายเป็นต้องจัดสต็อกให้พร้อมสำหรับทุกสาขา
  • เสี่ยงเสียเอกลักษณ์ ถ้ากลายเป็นผลิตภัณฑ์แมสมากเกินไป Rhode อาจสูญเสียความพิเศษที่ทำให้แฟน ๆ ติดตาม

การจับมือกับ Sephora จึงไม่ใช่แค่เรื่องของยอดขาย แต่เป็นเรื่องของ Positioning ด้วย ว่าจะยังสามารถรักษาความเป็นแบรนด์ Niche ในช่องทาง Mass ได้หรือไม่

กลยุทธ์ DTC ไม่พอแต่ต้องรู้จักเลือกพันธมิตร

ในยุคที่ตลาดออนไลน์อิ่มตัว การเข้าสู่รีเทลจึงไม่ใช่สัญญาณของการย้อนกลับ แต่คือการเติมเต็ม หากทำได้ถูกจังหวะ การร่วมมือกับค้าปลีกรายใหญ่จะช่วยแบรนด์เติบโตได้หลายเท่าตัว

Sephora เองก็มีประสบการณ์ในการปั้นแบรนด์หน้าใหม่จนโด่งดัง ตัวอย่างเช่น Rare Beauty ของ Selena Gomez หรือ Fenty ของ Rihanna ล้วนใช้ Sephora เป็นเวทีในการยกระดับแบรนด์

หาก Rhode บริหารแบรนด์ได้ดีภายใต้สภาพแวดล้อมใหม่ การเข้าสู่ Sephora อาจเป็นบทใหม่ของความสำเร็จ หรือหากผิดจังหวะ ก็อาจกลายเป็นบทเรียนของการโตไวเกินไปในตลาดที่โหดร้ายไม่แพ้อุตสาหกรรมใด ๆ

Rhode กับบททดสอบสำคัญในปี 2025

Rhode ไม่ใช่เพียงแบรนด์ที่เกิดจากชื่อเสียงของคนดัง แต่เป็นแบรนด์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ และสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนในแบบที่แบรนด์เก่า ๆ ทำไม่ได้

การเข้าสู่ Sephora จึงไม่ใช่แค่ก้าวทางกายภาพ แต่เป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ การขยายอิทธิพล และการพิสูจน์ว่า Rhode คือแบรนด์ที่เติบโตด้วยคุณภาพจริง ๆ

หากประสบความสำเร็จ กรณีนี้อาจกลายเป็นต้นแบบของการพาแบรนด์ DTC เข้าสู่โลกแห่งรีเทลได้อย่างสมดุล ทั้งด้านภาพลักษณ์ การตลาด และกำไร

ในปีที่เทรนด์ความงามเปลี่ยนไวพอกับฟีด TikTok  ทาง Rhode กำลังเผชิญกับบททดสอบที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตแบรนด์  และโลกกำลังรอดูว่าเธอจะสอบผ่านหรือไม่

แหล่งอ้างอิง

https://www.thestreet.com/retail/sephora-unveils-new-brand-partnership-gen-z-will-love

https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/221227-sephora

https://www.ditp.go.th/post/166960

https://everydaymarketing.co/business-and-marketing-case-study/beauty/sephora-technology-beauty-brand